BANKSY

Banksy ศิลปินสตรีทอาร์ตจอมขบถ ผู้เป็นปริศนาของโลก

หากจะกล่าวถึงศิลปินที่ทรงอิทธิพลที่สุดในเวลานี้ ชื่อของ ” Banksy” คงเป็นชื่อแรกๆ ที่หลายคนนึกถึง เขาเป็นผู้ที่ยกระดับงานสตรีท อาร์ตให้มีคุณค่าและมีมูลค่าอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อีกทั้งยังเป็นไอดอลของศิลปินสตรีท อาร์ตรุ่นใหม่อีกมากมาย นอกจากนี้เขายังได้รับการยกย่องจาก TIME Magazine ให้เป็น 1 ใน 100 บุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลก และภาพยนตร์ “Exit Through The Gift Shop” ที่มีเนื้อหาเจาะลึกเกี่ยวกับวงการกราฟฟิตี้ที่เขาเป็นผู้กำกับ ซึ่งได้เข้าฉายใน Sundance Film Festival ก็สามารถกวาดรายได้มาถึง 5 ล้านเหรียญสหรัฐ และได้รับรางวัล Best First Feature 2010 จาก Toronto Film Critics Association Awards, รางวัล Independent Spirit Award for Best Documentary Feature จาก Independent Spirit Award, และ Best Documentary Film 2010 จาก Washington D.C. Area Film Critics Association ด้วย

Banksy คือเจ้าของผลงาน graffiti ที่มีเอกลักษณ์ สะท้อนแนวความคิดที่เฉียบคม มีเนื้อหาเสียดสีสังคมอย่างเจ็บแสบ ทว่าแฝงไปด้วยอารมณ์ขัน โดยทุกๆ ผลงานต่างแสดงให้เห็นว่า เขามีการวางแผนเตรียมการณ์มาอย่างดี ตลอดระยะเวลาของการทำงานกว่า 2 ทศวรรษ เขาไม่เคยเปิดเผยตัวตนเลยสักครั้ง และยังคงเป็นปริศนาที่คนทั้งโลกอยากรู้มาจนถึงปัจจุบัน

เส้นทางการเป็นศิลปินของ Banksy เริ่มต้นขึ้นในปี 1990
โดยเขาเริ่มออกไปพ่นกราฟฟิตี้ตามกำแพงในเมือง Bristol ประเทศอังกฤษ กับเพื่อนๆ คือ Kato และ Tes ในนามของกลุ่ม “Bristol’s DryBreadz Crew” (DBZ) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ขับเคลื่อนดนตรีและศิลปะ underground ใน Bristol ยุคนั้น ระยะแรก เขายังคงสร้างงานด้วยเทคนิค free hand หรือการพ่นสดลงบนกำแพง และใช้แม่พิมพ์ลายฉลุ (stencil) ในบางครั้ง แต่ด้วยความที่ศิลปะกราฟฟิตี้ยังคงเป็นสิ่งผิดกฎหมาย การพ่นแต่ละครั้งจำไปต้องใช้ความไวและต้องเสร็จก่อนที่ตำรวจจะมาพบเข้า เทคนิค free hand ซึ่งใช้เวลานานจึงไม่เหมาะนัก Banksy จึงเปลี่ยนมาใช้เทคนิค stencil ที่สามารถเตรียมบล็อกพิมพ์มาจากที่บ้านได้ แล้วพ่นตามบล็อกนั้น ซึ่งใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการสร้างงานชิ้นหนึ่ง เขาจึงพัฒนาเทคนิค stencil ให้เข้ากับรูปแบบงานในสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองในที่สุด

Banksy สร้างผลงานอันโดดเด่นด้วยการใช้ stencil ในโทนสีขาว-ดำ มีเนื้อหาที่เสียดสีสังคม การเมือง เรียกร้องสิทธิและเสรีภาพ ตลอดจนต่อต้านระบบทุนนิยม บริโภคนิยม และสงคราม เขามักจะใช้สัญลักษณ์รูปตำรวจ ทหาร หนู ลิง เด็กและผู้หญิง นำเสนอผลงานออกมาในอารมณ์ตลกร้าย ขบขัน และประชดประชันแบบหยิกแกมหยอกที่กระแทกใจผู้คนทั่วโลกเข้าอย่างจัง
หลังจากที่ทำงานศิลปะบนกำแพงข้างถนนมาอย่างยาวนาน Banksy ก็ตัดสินใจจัดแสดงนิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกของตัวเองในปี 2002 ในชื่อ “Existencilism” ที่ 331⁄3 Gallery ในแอลเอ และ “Turf War” ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในปี 2003 ซึ่งในครั้งนั้นเขาได้นำเสนอผลงานที่โดดเด่นจนเป็นที่ฮือฮา ไม่ว่าจะเป็น ภาพวาดล้อเลียน Queen Elizabeth II , ภาพล้อเลียน Che Guevara, ภาพ Flying Copper เป็นภาพตำรวจถือปืนใบหน้าเป็นรูปรอยยิ้ม (Smilely Face) และมีปีกเทวดาด้านหลัง สะท้อนแนวคิดเกี่ยวกับเรื่องสันติภาพ อำนาจ และหน้าที่ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ นอกจากนี้ Banksy ก็ยังมีผลงานชิ้นสำคัญๆ อีกมากมาย เช่น Girl with Balloon ในปี 2003 ภาพเด็กหญิงเอื้อมมือหรือเพิ่งปล่อยมือออกจากลูกกโป่งสีแดง ซึ่งอาจหมายถึงความหวัง อิสรภาพ หรือการปลดปล่อยก็เป็นได้ Love Is in the Air ในปี 2003 เป็นภาพของผู้ประท้วงที่ทำท่าเหมือนจะโยนช่อดอกไม้ แทนท่าทางชวนที่ให้นึถึงการปาระเบิด เป็นสัญลักษณ์ความสันติและความหวัง ที่มีต่อสงครามในปาเลสไตน์ ตามมาด้วยผลงาน Bankzy of Englandในปี 2004 ที่เขาได้พิมพ์ธนบัตร 10 ปอนด์ปลอมออกมาแจกจ่ายโดยใช้รูปเจ้าหญิงไดอาน่าแทนรูป Queen Elizabeth II เพื่อเป็นการระลึกถึงการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิง แต่แจกยังไม่ทันหมดก็ต้องระงับเสียก่อน เพราะเกิดความวุ่นวาย เนื่องจากคนดันพากันเอาธนบัตรนี้ไปใช้ซื้อของกันจริงๆ ปิดท้ายด้วยผลงาน Monkey Sign ภาพลิงแขวนป้ายข้อความต่างๆ ที่ถือเป็นอีกหนึ่งซิกเนเจอร์สำคัญของเขาด้วย